คาถา ขุนแผน พร้อมแนะนำวิธีใช้ให้ได้ผล รวมพระคาถาที่ใครๆก็ต้องการ



          ปกติแล้วในประเทศไทยของเรานั้นมีคาถาศักสิทธิ์ต่างๆอยู่มากมาย ซึ่งคาถาแต่ละอย่างนั้นให้ฤทธิ์และให้ผลที่แตกต่างกันออกไป บางคาถาก็บทสั้นๆ บางคาถาก็ร่ายกันยาวๆ ถึงแม้ว่าคาถาบทสั้นที่เรานั้นมั่นใจว่าท่องไม่ผิดแน่นอน แต่เคยสงสัยมั้ยว่า...ทำไมคาถาถึงใช้ไม่ได้ผล


สมัยก่อนนั้นคาถาต่างๆจัดได้ว่าสามารถใช้กันได้อย่างง่ายดายและเห็นผลจริง แต่พอมายุคปัจจุบันทำไมคาถากลับใช้ไม่ได้ผล ทำไมบางคนถึงใช้ได้ผล แล้วอะไรเป็นเหตุปัจจัยให้คาถาใช้ได้ผล


คำตอบ  นั่นก็คือสมาธิ ระหว่างร่ายพระคาถายังไงล่ะ


แต่เราพูดเรื่องของสมาธิ คุณก็อย่างเพิ่งปิดหน้าเว็บนี้แล้วหนีจากไป เพราะกลัวว่าสมาธิเป็นเรื่องที่เข้าถึงยาก  แต่จริงๆการรวบรวมสมาธิไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง  หากเราฝึกรวมให้ได้เพียงแค่เท่ากับความยาวของพระคาถาที่่ท่องก็พอแล้ว ส่วนใหญ่ไม่เกิน 1 นาที  (ทีนี้พอจะมีกำลังใจในการฝึกสมาธิเพื่อใช้พระคาถากันบ้างหรือยังครับ)  

ปัญหาอยู่ที่ว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีสมาธิเพียงพอที่ร่ายพระคาถาให้มีโอกาสใช้ได้ผลจริง


เดี๋ยวผมจะสอนวิธีฝึกให้ครับ วิธีนั้นง่ายๆ แต่ต้องฝึกบ่อยๆ ถึงจะชำนาญ  ซึ่งเป้าหมายที่เราจะฝึกนั้นคือการทำให้จิตมีสมาธิต่อเนื่องนาน 1 นาที


ขั้นตอน ในการฝึกสร้างกำลังสมาธิ


A : เตรียมอุปกรณ์ ผมมี 2แบบ ให้คุณเลือก ระหว่าง น้ำ  กับ ไฟ , หากคุณเลือกไฟ ให้ไปจุดเทียนมา 1 เล่ม และหาคุณเลือกน้ำให้เตรียมน้ำใส่ขันที่เงินหรือภาชนะที่ไม่มีลวดลายที่ก้นขัน

B : ทีนี้เราก็มาฝึกเพ่งกัน เป้าหมายให้คุณจำภาพของธาตุที่คุณเลือกมาให้ได้  โดยการมองแล้วหลับตา จากนั้นกำหนดภาพนั้นให้ปรากฎตอนหลับตา

(ภาพที่ปรากฎ เหมือนตอนคุณหลับตานึกถึงแฟน แล้วเห็นหน้าแฟนนั่นแหละ)

            - กรณีที่คุณเลือกไฟ  การจ้องเปลวไฟมีผลต่อสายตา ไม่ควรจ้องเพ่งนาน ควรมองให้พอจำภาพเปลวไฟที่เทียนได้แล้วจึงหลับตากำหนดภาพ (กรณีเลือกไฟ จะจำภาพได้ง่ายกว่า น้ำ)

            - กรณีที่คุณเลือก น้ำ การจ้องน้ำในขันจะทำให้สบายตา จองนานได้ไม่เป็นไร เมื่อจำภาพได้แล้วให้หลับตาแล้วต้องกำหนดภาพน้ำในขันที่ใสและนิ่งให้ได้ อาจมีคลื่นได้เล็กน้อย (กรณีเลือกน้ำ จะจำภาพได้ยากกว่า ไฟ เพราะความใสของน้ำนั่นเอง )


C : หากหลับตาแล้วภาพเลือนหายให้ลืมตามาดู  แล้วเพ่งเพื่อจดจำ  แล้วหลับตา  ทำสลับแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหลับตาแล้วกำหนดภาพต่อเนื่องได้นานถึง 1 นาที และภาพนั้นต้องแจ่มใสและไม่เลือนหายจากการกำหนด

       ( เริ่มฝึกแรกๆ เมื่อเรากำหนดภาพ และแล้วผ่านไป 1 - 2 วินาที  ภาพจะหายไป โดยที่เราไม่สามารถคงภาพนั้นไว้ได้ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ  ฝึกไปเรื่อยๆเดี๋ยวเก่งเอง อย่ายอมแพ้)

       ( ยกเว้นคนที่กำหนดภาพได้นานกว่านี้ เหตุอาจเป็นของเก่าในชาติก่อนๆที่เคยฝึกมา ทำให้มีกำลังจิตพื้นฐานสงบและดีกว่าคนทั่วไป เลยได้เปรียบคนอื่นๆ)    


D : ตรงนี้หากใครทำได้ เป็นเครื่องชี้วัดว่า 1 นาที คุณมีสมาธิในขั้นระดับ อุปจารสมาธิ อย่างแน่นอน (ว่างๆลอง ย่อ - ขยาย ภาพ เล่นๆดูก็ได้นะ)

          ซึ่งกำลังสมาธิระดับนี้ เพียงพอต่อการใช้กำลังจิตนั้นเพื่อมาร่ายมนต์คาถาต่างๆให้สำเร็จ

        เงื่อนไข : ภาพต้องแจ่มใส เหมือนกับตาเห็น  , ในระหว่าง 1 นาที ที่หลับตา ภาพต้องคงอยู่ห้ามเลือนหาย


E : จริงแล้ว ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นก็คือการฝึก กสิน นั่นเอง


F : ผมเชื่อว่า ฝึกทุกวันก่อนนอนประมาณ 1 เดือน คุณจะเห็นความแตกต่างของกำลังสมาธิได้อย่างชัดเจน


G : เมื่อกำลังสมาธิตามเงื่อนไขแล้ว ให้ลองนำกำลังสมาธิไปร่ายพระคาถาได้เลย โดยทุกคำที่คุณเปล่งออกมาจากการร่ายคาถา จะประกอบไปด้วยกำลังสมาธิที่ตั้งมั่นและแน่วแน่จนคาถาใช้งานสำเร็จอย่างอัศจรรย์



     หลักการและเหตุผล

             เหตุผลที่ว่าทำไมเดิมทีเราไม่สามารถร่ายคาถาได้ เนื่องจากจิตของเราไม่สามารถรวมเป็นหนึ่งเดียว    ทำให้จิตกระจายไปทั่วทุกสารทิศ เพียงแค่คุณคิดเรื่องต่างๆ หากลองสังเกตดีๆ     จิตเราจะเปลี่ยนความคิดไปมาอย่างรวดเร็ว     คิดเรื่องนั้นบ้าง คิดเรื่องนี้บ้าง     จึงทำให้เกิดอารมณ์รักบ้าง , เกลียดบ้าง , วุ่นวายใจบ้าง และจิตที่กระจายตัวออกไปคิดเรื่องต่างๆนั้นมันจะส่งผลให้สมาธิของเราไรกำลังนั่นเอง


* สมาธิ บางครั้งก็เปรียบเสมือน (ไฟฟ้า)  ที่ใช้ในการขับเคลื่อน อุปกรณ์ไฟฟ้าให้ทำงาน (พระคาถาต่างๆ)

** เมื่อไฟฟ้าน้อย เครื่องใช้ไฟฟ้าเลยไม่ทำงาน

** เมื่อไฟฟ้าเพียงพอ เครื่องไฟฟ้าย่อมทำงาน


         กสิน (แนวทางที่แนะนำไปข้างต้น) จึงเป็นการฝึกให้จิตมากำหนดอยู่ที่เรื่องๆเดียว ณ เวลาปัจจุบันขณะนั้นๆต่อเนื่อง โดยให้จิตไม่คลาดเคลื่อนไปฟุ่งซ่านในเรื่องอื่นๆ  เมื่อจิตไม่กระจายไปคิดฟุ้งซ่าน จิตก็จะเริ่มมารวมตัวกันในภาพที่เรากำหนดและบังคับมันให้คงอยู่แบบนั้น จนทำให้จิตมีความหนาแน่น แน่วแน่  + สภาวะใจจะเป็นกลางและบริสุทธิ์ทันที  จึงทำให้เราสามารถเอาพลังธรรมชาติของจิตขณะนี้ไปร่ายมนต์คาถาหรืออธิฐานจิตต่างๆจนได้ผลดีอย่างแน่นอน

------------------




1. คาถาขุนแผน ผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม

อิติสุคโต อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ สุนะโมโร  มะอะอุ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา พุทโธ พุทโธ


(คาถานี้โดยรวมแล้วยกคุณของพระุพุทธเจ้ามาคุ้มครอง แล้วกำกับไว้ที่หัวใจของขุนแผน เพื่อให้เกิดพุทธคุณมากมายในด้านเมตตามหานิยม)


ใช้คาถานี้ได้ดีเมื่อแขวนบูชา พระขุนแผน ผงพรายกุมาร ของหลวงปู่ทิม

---------------


2. คาถาขุนแผน


เอหิมะมะ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ


(ใช้ท่องกับของใช้ส่วนตัวอะไรก็ได้แล้วจะทำให้มีเสน่ห์เป็นที่หลงไหล)


----------------


3. คาถาบูชาขุนแผน


สุนะโมโร โมโรสุนะ นะมะพะธะ จะพะกะสะ นะมามิหัง


คาถาขุนแผน (หลวงพ่อกวย)


อมสิทธิ ท้าวฟื้นเจริญศรี หน้ากูงามคือพระแมน ณะมะพะทะ


แขนกูงามคือพระนาราย ฉายกูงามคือพระอาทิตย์ ฤทธิกูงามคือพระจัน


สาวในเมืองสวรรค์เห็นหน้ากูอยู่มิได้ กูมาระลึกถึงฝูงหงษ์มาลืมข้ามคูหา


กูมาระลึกถึงมหาเสนา ก็มาลืมแท่นที่นอน กูมาระลึกถึงลูกไก่อ่อน ก็วิ่งตามกูมา


กูมาระลึกถึงสาวใช้ก็มาลืมแม่ กูมาระลึกถึงสาวแก่ก็มาหลงไหล


กูมาระลึกถึงเจ้าทัยเทวีก็มาลืมสวดมนต์ กูมาระลึกถึงฝูงคนก็มารักกูอยู่ทั่วหน้าทั่วชั้นฟ้าและพื้นดิน


เหมือนช้างรักงา ปลารักน้ำ เข้าอยู่ในดง ผมก็ลืมเกล้า ข้าวอยู่ในคอก็ลืมกลืน


ให้สะอื้นคิดถึงตัวกู อยู่ทุกเวลาและราตรี อิติลีกันหาชูชะโกโมกรุณาพุทปราณี ทายินดี


ยะเอ็นดู เอหิกะระนิโย อิติพิโส พะคะวาณะลีติ อิติมานิยม


รวมคาถาขุนแผน คาถาหัวใจขุนแผน ต่างๆมากมาย


----------------



4. คาถาหัวใจขุนแผนรักแท้


โอมนะโมพุทธายะ พุทธัง สะระติ ธัมมัง สะระติ สังฆัง สะระติจิตตังสะมาเรมะมะเอทิ เอหิชัยยะ เอหิสัพเพชะนา พะหูชะนา เอหิ


(ให้บริกรรมคาถานี้กับลูกอมแล้วอมขณะที่คุยกับคนที่เรารัก จะทำให้เขาคนนั้นเกิดความรักจริงจังขึ้นมา)



----------------



5. คาถาหัวใจขุนแผนมัดใจ


พุทธัง รัตตะนัง ธัมมัง รัตตะนัง สังฆัง รัตตะนัง นะผูก โมมัด พุทรัด ธารึง ยะกรึงคะเร โอมสวาหะ


(ใช้สวดภาวนาก่อนนอน ทำให้คนรักคิดถึง)


----------------


6. คาถาหัวใจขุนแผนใจอ่อน


 ปัญจะมังสิระสังชาตัง นะอตใจ นะกาโร โหติ สัมภะโวตรีนิกัตวานะ นะ การัง ปัญจะสัมภะวัง

(ใช้ท่องก่อนที่จะพบเจรจากับคนที่เป็นเจ้าหนี้หรือใครก็ตาม จะทำให้ได้รับการผ่อนปรน ใจอ่อนได้ทุกที)



----------------


7. คาถาหัวใจขุนแผนผูกใจคน


 โอมนะโมพุทธะ นะ มะ อะ อุ เอหิชัยยะ เอหิสัพเพชะนา พะหูชะนา เอหิ


(ใช้สวดเมื่อต้องการให้คนทั่วไปรักใคร่ยินดี ใช้เสกกับแป้งหรือน้ำหอมก็ได้)


----------------


8. คาถาหัวใจขุนแผนมหาเสน่ห์


 จันโทอะภกันตะโรปิติ ปิโย เทวะมนุสสานังอิตภิโยปุริ โสมะ อะ อุ อุ มะ อะ อิสวาสุ อิกะวิติ


(ให้ภาวนาคาถานี้ ๓ จบก่อนออกไปพบคน จะทำให้คนที่ต้องไปพบเกิดความรักใคร่)


----------------


9. คาถาหัวใจขุนแผนป้องกันตัว


 ปัญจะมัง สิระสังชาตัง นะกาโร โหติ สัมภะโวพินธุ ทัณฑะ เภทะ อังกุ สิริ นะโมพุทธายะ


(ใช้ท่องภาวนาเป่าใส่มือ แล้วตบมือดังๆ จะทำให้ปลอดภัยจากอันตรายไม่ว่าคนหรือสัตว์)


----------------


10. คาถาขุนแผนป้องกันผี


นะโมพุทธายะ มะพะ ทะนะ ภะ กะ สะ จะสัพเพทวาปีสาเจวะ อาฬะวะกาทะโยปิยะขัคคัง ตาละปัตตัง ทิสวา สัพเพยักขาปะลายันติ สักกัสสะ วะชิราวุธังเวสสุวัณณัสสะ คะธาวุธังอะฬะวะกัสสะ ทุสาวุธังยะมะนัสสะ นะยะนาวุธังอิเมทิสวา สัพเพยักขา ปะลายันติ


----------------


11. คาถาขุนแผนหนังเหนียว


สุกิตติมา สุภาจาโร สุสีละวา สุปากะโต อัสสะสิมา วะเจธะโร เกสะ โรวา อะสัมภิโต


(ใช้สวดภาวนาคาถานี้กับน้ำมันทาถูร่างกายจะทำให้อาการฟกช้ำหายเร็ว หรือก่อนออกศึกใดๆ จะทำให้หนังเหนียวไม่บาดเจ็บง่าย)


----------------


12. คาถาขุนแผนข่มศัตรู


ตะโต โพธิสัตโต ราชะสิงโหวะมหิทธิโกอะระหัง ตะมัตทังปะกาเสนโตราชะสิงโห สัตถาอาหะ นะโมพุทธายะ นะมามิสุคะตังชินัง


(ใช้บริกรรมคาถาเมื่อจะต้องไปเจอศัตรู จะทำให้ศัตรูเกรงกลัว - ท่อง ๓ จบแล้วกระทืบเท้าดังๆ ก่อนออกจากบ้านเหมือนกับพิธีตัดไม้ข่มนาม)


----------------


13. คาถาขุนแผนเสกขี้ผึ้ง


มทุจิตตัง สุวามุปขังทิตสวานิมามัง ปิยังมะมะเมตตา ชิวหายะมะ ทุรังทะตวาจาจัง สุตทังสุตตะวา  

สัพเพชะนาพะ หุชะนาอิตถีชะนาสัมมะนุนะ พรามมะนา นุนะปะสังสันติ


(ใช้ภาวนากับขี้ผึ้งหรือลิปสติก จะทำให้คนรักเชื่อฟัง)


----------------


14. คาถาขุนแผนหมัดหนัก


โสภะคะวา อะทิสะมานิ อุเทยยัง คัจฉันตัพพังสังลารัง ปะระมัง สุขัง นะลัพภะติมหาสูญโญ จะสัมภะโต สังสาเร อานังคัจฉันติ


(ใช้ภาวนาเมื่อต้องการให้หมัดหนัก ไม่ใช่นักมวยก็ใช้ได้)


----------------


15. คาถาหัวใจขุนแผนสาริกาลิ้นทอง


พุทธา อะเนนา มะลิยา สุสังคะเยมิ พุทธา อิริมะลิยา สุสังคะเยมิ พุทธา อิรปะโย เคมะคุณนะ ปักเขสะเมมะมิ อุนาโลมา ปันนะ วิชายะเต


#คาถาขุนแผน #คาถาสาริกาลิ้นทอง #คาถามหานิยม