มนต์มายาหญิง นิทานชาดก
มนต์มายาหญิง
ในสมัยหนึ่ง
พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวันเมืองสาวัตถี
ทรงปรารภภิกษุผู้กระสันปั่นป่วนเพราะหญิงรูปหนึ่ง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
ในเมืองพาราณสีมีพราหมณ์ตระกูลหนึ่ง
ได้จุดไฟตั้งไว้ตั้งแต่วันลูกชายเกิดไม่ให้ดับเป็นเวลา ๑๖ ปีแล้ว วันหนึ่ง
มารดาเรียกลูกชายมาบอกว่า
” ลูกรัก
แม่ได้จุดไฟตั้งไว้ในวันที่ลูกเกิดเรื่อยมา ถ้าหากเจ้าประสงค์จะไปพรหมโลก
จงเข้าป่าบูชาพระอัคนิเทพเจ้าเถิด ถ้าอยากจะครองเรือน
จงไปเรียนศิลปวิทยากับอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ณ เมืองตักกสิลาเถิด ”
ลูกชายตัดสินใจเดินทางไปเรียนที่เมืองตักกสิลาจนสำเร็จแล้วกลับมาบ้าน
ส่วนมารดาไม่อยากจะให้ลูกชายครองเรือน อยากจะแสดงโทษของสตรีหวังให้ลูกชายออกบวช
จึงส่งลูกชายให้กลับไปเรียนอสาตมนต์ที่สำนักของอาจารย์ ณ เมืองตักกสิลาอีก
ที่สำนักเรียนเมืองตักกสิลา
อาจารย์มีมารดาผู้แก่ชรามีอายุได้ ๑๒๐ ปีอยู่คนหนึ่ง
ท่านจะเป็นผู้ปรนนิบัติมารดาด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำ ป้อนข้าว
ป้อนน้ำตลอดมา ผู้คนชาวเมืองจึงรังเกลียดท่าน ท่านจึงได้พามารดา เข้าไปอาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง
เมื่อเห็นลูกศิษย์กลับมาหาอีกครั้ง อาจารย์ทราบว่า ต้องการจะมาเรียนอสาตมนต์
จึงเข้าใจเจตนาของมารดาของเขา
” เจ้าจงอาบน้ำ ป้อนข้าว ป้อนน้ำ
มารดาของเรา ปรนนิบัติด้วยการนวดมือ เท้า ศีรษะและหลังของท่าน
พร้อมกับพูดยกย่องคำหวานเป็นต้นว่า คุณแม่ครับ ถึงจะแก่เฒ่าแล้ว
ร่างกายของคุณแม่ยังดูกระชุ่มกระชวยอยู่เลย
สมัยเป็นสาวคุณแม่คงจะสวยสะคราญหาที่เปรียบไม่ได้ ถ้าหากมารดาของเราพูดอะไรกับเจ้า
ต้องบอกให้เราทราบทั้งหมดห้ามปิดบัง เจ้าทำเช่นนี้ถึงจะได้อสาตมนต์ ”
เขาได้ปรนนิบัติมารดาของอาจารย์เช่นนั้นตลอดมา
จนนางคิดว่าหนุ่มน้อยคนนี้คงต้องการอภิรมย์กับเราเป็นแน่นอน
วันหนึ่งนางจึงถามชายหนุ่มว่า
” เธอต้องการฉันใช่ไหม ”
เขารับคำว่า
” ครับ แต่ผมเกรงกลัวอาจารย์ ”
นางพูดว่า
” ถ้าเช่นนั้น เจ้าจงฆ่าลูกฉันเสียสิ ”
เขากล่าวว่า
” ผมเรียนหนังสือกับท่าน
จะให้ฆ่าท่านได้อย่างไร ”
นางพูดว่า
” ถ้าหากเธอไม่ทอดทิ้งฉันจริง
ฉันจะฆ่าเขาเอง ”
ธรรมดาหญิงส่วนมากไม่น่ายินดี
มีลับลมคมใน ถึงจะแก่แล้วก็ยังมีกิเลสราคะถึงกับคิดจะฆ่าลูกชายตนเอง
ชายหนุ่มได้บอกเรื่องทุกอย่างแก่อาจารย์
อาจารย์จึงทราบว่ามารดาตนจะสิ้นชีวิตในวันนี้
จึงเรียกให้ลูกศิษย์ไปตัดต้นมะเดื่อมาทำเป็นรูปหุ่นเท่าตัวให้นอนในที่นอนคลุมผ้าทั่วร่าง
ผูกราวเชือกไว้เสร็จแล้ว มอบขวานให้ลูกศิษย์นำไปมอบให้มารดา
บอกว่าอาจารย์เข้านอนแล้ว
นางเดินไปตามราวเชือกแล้วเงื้อขวานจามลงบนหุ่นไม้นั้นหวังให้ตายคาที่
พอเกิดเสียงดังกึก จึงทราบว่าฟันถูกไม้ ทันใดนั้นเองลูกชายก็โผล่มาถามว่าแม่ทำอะไร
นางทราบว่าถูกหลอกแล้ว จึงล้มลงสิ้นใจตาย ณ ที่นั้นนั่นเอง
ความที่จริงถ้านางไม่เดินมาก็จะนอนตายที่ศาลาของตนเองอยู่แล้ว
นางเดินมาด้วยอำนาจกิเลสตัณหา
อาจารย์ได้ทำการเผาศพมารดาแล้วเรียกลูกศิษย์มาสอนว่า
” อสาตมนต์ไม่มีดอก ขึ้นชื่อว่าหญิงส่วนมาก
ไม่รู้จักจืดจาง มารดาของเจ้าส่งเจ้ามาเพื่อให้รู้จักโทษของหญิง บัดนี้
เจ้าเห็นโทษของมารดาเราแล้ว พึงทราบว่า ผู้หญิงส่วนมากไม่รู้จักอิ่ม ชั่วช้า ”
แล้วให้เขากลับบ้าน
เมื่อชายหนุ่มกลับไปถึงบ้าน มารดาจึงถามว่า
” บัดนี้เจ้าจักบวชหรือจะครองเรือน ”
เขาได้ตัดสินใจออกบวชเพราะเห็นโทษของหญิง
และได้กล่าวคาถาว่า
” ขึ้นชื่อว่า หญิงในโลกนี้ไม่นายินดี
เพราะหญิงเหล่านั้นไม่มีขอบเขต
มีแต่ความกำหนัด คะนอง
เหมือนเปลวไฟไหม้ทุกสิ่งทุกอย่าง
ข้าพเจ้า จักละทิ้งหญิงทั้งหลายเหล่านั้น
ไปบวชเพิ่มพูนวิเวก ”
เพื่อความชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งขึ้นพึงทราบว่า
” หญิงเหล่านั้น ร้อยเล่ห์ หลอกลวง
เป็นบ่อเกิดแห่งความโศก มีเชื้อโรค เป็นตัวอุบาทว์
หยาบคาย ก่อให้เกิดความผูกพันธ์
เป็นชะนวนแห่งความตาย เป็นนางบังเงา ชายใด
วางใจในนาง ชายนั้น จัดเป็นคนเลวในฝูงคน ”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : ภรรยา ทาส ช้างสาร งูเห่า (คนไม่ดี)
ไว้ใจไม่ได้
0 ความคิดเห็น