ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถีปรารภพ่อค้าโกงผู้หนึ่ง ได้ตรัสอดีตนิทานชาดกมาสาธก ว่า...

          กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพ่อค้าอยู่ในเมืองพาราณสี มีชื่อว่า บัณฑิตได้เข้าหุ้นทำการค้ากับพ่อค้าคนหนึ่งชื่อว่า อติบัณฑิต วันหนึ่ง คนทั้งสองชวนกันบรรทุกสินค้าด้วยเกวียน ๕๐๐ เล่มไปขายที่ชายแดนแห่งหนึ่ง ได้กำไรกลับมาอย่างงดงามเมื่อกลับมาถึงเมืองพาราณสีแล้ว ถึงเวลาแบ่งทรัพย์กัน นายอติบัณฑิตจึงเอ่ยปากขึ้นว่า "นี่เพื่อนรัก เราควรจะได้ส่วนแบ่ง ๒ ส่วนนะ" "ทำไมละเพื่อน" พระโพธิสัตว์ถาม "ก็เพราะท่านชื่อบัณฑิตเฉยๆ ควรได้ส่วนเดียว ส่วนเราชื่ออติบัณฑิตจึงควรจะได้ ๒ ส่วนนะสิ" อติบัณฑิตตอบ

          พระโพธิสัตว์ไม่ยอมกล่าวอ้างว่า "ทุนซื้อก็ดี พาหนะขนสิ่งของก็ดีมีส่วนเท่าๆ กัน แล้วทำไมเวลาแบ่งจึงต้องแบ่งไม่เท่ากันละ นายอติบัณฑิตก็อ้างแต่ว่าไปหารุขเทวดาเป็นผู้ตัดสินให้

          คนทั้งสองเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ซึ่งอติบัณฑิตได้บอกอุบายให้พ่อของตนเองไปแอบอยู่ในโพรงไม่นั่นแล้ว เมื่อไปถึงต้นไม้นั้นแล้ว อติบัณฑิตก็ถามความเห็นของรุกขเทวดาให้ช่วยเป็นผู้ตัดสินใจให้ด้วยทันใดนั่นเองก็มีเสียงเปล่งออกมาจากต้นไม้นั้นว่า "ถ้าเช่นนั้น คนชื่อบัณฑิตควรได้ ๑ ส่วน อติบัณฑิตควรได้ ๒ ส่วน"

          พระโพธิสัตว์ฟังคำตัดสินนั้นแล้วคิดว่า "เดี๋ยวเถอะจะได้รู้กันว่าเป็นเทวดาจริง หรือเทวดาปลอมกันแน่" เดินไปหอบฟางมาใส่โพรงไม้แล้วจุดไฟทันที ทันใดนั่นเองพ่อของนายอติบัณฑิตรีบหนีตายขึ้นข้างบนต้นไม้โหนกิ่งไม้แล้วกระโดดลงดินพลางกล่าวเป็นคาถาว่า

"คนชื่อบัณฑิตดีแน่ ส่วนอติบัณฑิตไม่ดีเลย เพราะ เจ้าอติบัณฑิตลูกเราเกือบเผาเราเสียแล้ว"

เมื่อแผนการถูกเปิดโปง นายอติบัณฑิตจึงจำต้องแบ่งส่วนแบ่งเท่า ๆ กัน



นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :     ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน